หน้าเหนื่อย หน้าโทรม หน้าหมองคล้ำ นอนน้อย ขอบตาดำ แก้อย่างไรดี

หน้าโทรม ปัญหาผิวที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ แต่ก็เลี่ยงได้ยากทั้งสภาพแวดล้อมที่ต้องเจอในปัจจุบัน มลพิษ แสงแดด ไหนจะการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำผิวมีสุขภาพที่แย่ลง นอนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เป็นต้น

นำมาซึ่งปัญหาผิวหน้าโทรมหมองคล้ํา ขอบตาดำ ผิวแลดูไม่สดใส หน้าดูแก่ก่อนวัยอันควร แถมคุณภาพผิวที่แย่ลง ปราการผิวที่อ่อนแอลงนั้น ทำให้ผิวโดนปัจจัยกระตุ้นเพียงเล็กน้อย อาจจะนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ อย่าง ปัญหารูขุมขนกว้าง สิวขึ้นได้อีกด้วย เช่นนั้น เราจะมาเสนอวิธีแก้หน้าโทรมแบบเร่งด่วน พร้อมวิธีทำให้หน้าเด็กมาฝากผู้อ่านกัน

12 วิธีแก้หน้าโทรม ขอบตาดำ หน้าหมองคล้ำ

วิธีแก้หน้าโทรมนั้นก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ทั่วไปที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง จนไปถึงการเข้ารับบริการทำหัตถการกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ

แต่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทันสมัยเข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับผิวในยุคปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามการรักษาสุขภาพให้ดีตั้งแต่ภายใน และคอยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนได้มาตรฐานนั้นเป็นการวางพื้นฐานความแข็งแรงให้กับผิวตั้งแต่เริ่มต้น

1. การมาส์กหน้าช่วยฟื้นฟูหน้าโทรม

การมาส์กหน้าเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยบํารุงหน้าโทรมให้กับมาดีขึ้นได้ เพราะภายในแผ่นมาส์ก หรือในตัวมาส์กชนิดอื่น ๆ ทั้งชนิดครีม โคลน ต่างอุดมไปด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว หรือในบางสูตรก็จะมีสารสกัดพิเศษ ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น มาส์กสูตรเพิ่มความกระจ่างใส ในตัวมาส์กบรรจุส่วนผผสมอย่าง วิตามินซี (Vitamin C) กรด AHA หรือ กรด BHA ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวให้ขาวใส

2. นอนหลับให้เพียงพอ แก้ขอบตาดำคล้ำได้

แน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอสามารถแก้ปัญหาขอบตาดำได้ เพราะต้นสายปลายเหตุของอาการหน้าโทรมขอบตาดำนั้น มักมาจากการขยี้ตาซ้ำ ๆ จากการง่วงนอน ดังนั้นถ้าเราเข้านอนแต่หัวค่ำ หลับพักผ่อนให้ครบอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ระบบภายในร่างกายก็จะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อเราตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า

3. ดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว เพิ่มความสดใสให้หน้าไม่โทรม

การดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายขับของเสียภายในร่างกายออกมาทางเหงื่อได้อย่างดี ทำให้ลดการอุดตันของผิว รวมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง

การดื่มน้ำที่ถูกต้องนั้นควรดื่มน้ำเปล่าสะอาด ให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ โดยคิดตามสูตร นำเอาน้ำหนักตัวของเรา X 2.2 X 30/2 = ปริมาณน้ำที่ควรดื่ม (มิลลิลิตร)/วัน เช่น ในกรณีน้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม x 2.2 x 30/2 = 1,815 มิลลิตร/วัน หากดื่มน้ำน้อยกว่านั้นจะส่งผลให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ดี

4. รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง แครอท เป็นต้นซึ่งอาหารประเภทดังกล่าวจะช่วยลดสารอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาทำลายเซลล์ผิวให้ลดลงไปได้ ทำให้ช่วยแก้หน้าโทรม หน้าแก่ลงไปได้

5. ทาครีมกันแดด ลดอาการหน้าโทรม

อย่างที่ทราบกันดีว่าแสงแดดเป็นผู้ร้ายในการทำลายเซลล์ผิวให้หมองคล้ำ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรพลาดที่จะทาครีมกันแดด เพื่อให้ผิวหน้าของเรามีเกราะป้องกันผิวที่แข็งแกร่งจากแสงแดด รวมถึงมลภาวะต่าง ๆ ที่เข้ามาทำร้ายผิว เนื่องจากในครีมกันแดดเหมือนเป็นโล่อีกชั้น ทำให้ฝุ่น ควัน ไม่สามารถสัมผัสกับผิวได้โดยตรง

6. ทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพิ่มความชุ่มชื้น

หนึ่งในวิธีเบื้องต้นที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในการแก้หน้าโทรม ก็คือการบำรุงผิว ให้คงความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะความชุ่มชื้นเปรียบดังหัวใจหลักของการดูแลผิว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่สร้างความระคายเคืองให้กับผิว และไม่มีเนื้อหนักจนเกินไป จนกลายเป็นการเพิ่มการอุดตันในรูขุมขนแทน

7. เลเซอร์หน้าใส ลดความหมองคล้ำ

การเลเซอร์หน้าใส สามารถช่วยลดความหมองคล้ำให้ใบหน้าได้ เพราะคลื่นเลเซอร์จะถูกยิงลงไปที่ผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดแผลขึ้นเล็กน้อย จึงเป็นการเร่งให้ร่างกายเกิดกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เสริมปริมาณคอลลาเจน ทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใสขึ้น

8. ประคบตา ลดอาการขอบตาดำคล้ำ

การประคบดวงตาด้วยน้ำอุ่น จะช่วยลดอาการบวมช้ำรอบดวงตาได้ดี โดยนำผ้าขนหนูเนื้อนิ่ม มาชุบน้ำร้อนประคบดวงตาทิ้งเอาไว้ 5 นาที แล้วจึงล้างน้ำเปล่าเย็นอีกครั้ง จะช่วยทำให้ผิวได้รับการปลอบประโลม กล้ามเนื้อรอบดวงตาผ่อนคลายขึ้น

9. ฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มริ้วรอยต่างๆ

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการเติมสารที่บรรจุสารไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร ทำให้เมื่อฉีดสารเหล่านี้เข้าไปนอกจากจะช่วยเพิ่มให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เติมร่องรอยบนใบหน้าให้ดูเต็มอิ่มขึ้นแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ทำให้มีชั้นระหว่างเส้นเลือดกับผิวใต้ดวงตามากขึ้น ทำให้รอยเส้นเลือดสีเข้มใต้ตาแลดูจางลง

10. Hifu ยกกระชับหน้าแก้หน้าโทรม

Hifu (High Intensity Focus Ultrasound) คือการยิงคลื่นอัลตราซาวน์ความเข้มข้นสูง (Ultrasound) ยิงเข้าไปในชั้นผิว คลื่นดังกล่าวจะไปสร้างบาดแผล ทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เร่งซ่อมแซมผิวด้วยการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึงมากขึ้น

11. ใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา

เพราะบริเวณรอบดวงตาเป็นบริเวณที่มีผิวหนังบอบบาง ทำให้การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ หรือ Eyes Cream จะตอบโจทย์ปัญหาผิวได้มากกว่า ด้วยเนื้อของผลิตภัณฑ์ และส่วนประกอบในเนื้อครีมมีความเข้มข้นมากกว่า จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณนี้ได้มากกว่านั่นเอง

12. ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามและการศัลยกรรม

สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ หรืออาจจะเข้ารับการทำหัตถการกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญก็ได้เช่นกัน

  • การใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิว เพื่อขัดลอกเซลล์เก่าที่ตายไปแล้วให้หลุดลอกออก ไม่ให้เซลล์ผิวเก่าหมักหมมอุดตันในรูขุมขน พร้อมทั้งเป็นการช่วยเร่งให้กระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่เกิดได้เร็วมากขึ้น
  • การใช้สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) กรดแลคติก (Lactic acid) ซึ่งมีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว กำจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • การกรอผิวด้วนเครื่องมือแพทย์ เป็นหัตถการที่ทำด้วยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เครื่องมือกรอผิวชั้นหนังกำพร้าออกไป เป็นอีกหนึ่งวิธีในการกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่