เริม มีอาการอย่างไร?
เริมแสดงอาการเริ่มต้นด้วยอาการคันยุบยิบบริเวณที่ติดเชื้อไวรัส HSV จากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำพองใส อักเสบ และเจ็บแสบบนฐานของผื่นบวมแดงที่รวมกลุ่มกันบนผิวหนัง โดยมีอาการประมาณ 2-3 วันจนถึง 1-2 สัปดาห์ และสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัส จากนั้นตุ่มน้ำพองใสจะแตกออก มีเลือดไหลซึม แล้วจึงตกสะเก็ดเมื่อแผลสมานตัว เริมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาจมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก โดยหลังจากที่อาการของโรคหายไปแล้ว เชื้อไวรัส HSV จะยังคงฝังตัว หลบซ่อนอยู่บริเวณปมประสาท (Ganglion) ของร่างกายโดยไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาตราบจนภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำ อาการของโรคเริมจึงจะเริ่มปรากฎให้เห็นขึ้นอีกครั้ง โดยอาการของโรคเริม มีดังนี้
- กลุ่มของตุ่มน้ำพองใส หรือแผลพุพองเล็ก ๆ ที่ขึ้นบริเวณรอบ ๆ ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า หรืออวัยวะเพศ
- อาการคันระคายเคือง เจ็บแสบที่อวัยวะเพศ หรือรอบ ๆ ทวารหนัก
- อาการเจ็บแสบที่อวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia)
- อาการเหมือนมีหนามแหลมเล็ก ๆ ทิ่มตำ อาการแสบคับหรือแสบร้อน
- มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต
- มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ
- มีอาการตกขาว (ในเพศหญิง) มีกลิ่นคาว
- อวัยวะเพศบวมแดง
โรคเริม กลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่?
โรคเริม สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ภายใน 7 วัน หลังจากการเป็นครั้งแรก โดยหากเชื้อไวรัส HSV ที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณปมประสาทได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซ้ำ เชื้อไวรัสจะเคลื่อนตัวไปตามแนวเส้นประสาทจนถึงปลายประสาทและแสดงอาการออกมา โดยความรุนแรงของอาการจะน้อยกว่าและหายเร็วกว่าครั้งแรกทั้งจำนวนของตุ่มน้ำพองใส อาการคัน หรืออาการแสบร้อน
ปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เป็นโรคเริมซ้ำ ได้แก่
- ภูมิคุ้มกันร่างกายลดต่ำลง
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ ซ้ำ หรือมีไข้สูง
- การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ระหว่างมีประจำเดือน
- การผ่าตัดที่กระทบต่อเส้นประสาท
- อากาศร้อน การอยู่ท่ามกลางแสงแดด
- การขาดสารอาหาร
- ความเครียด
การวินิจฉัยโรคเริม มีวิธีการอย่างไร?
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคเริม โดยการซักประวัติ ตรวจอาการ และตรวจดูลักษณะของตุ่มน้ำใสหรือแผลพุพอง จากนั้นแพทย์จะทำการทดสอบทางแล็บปฏิบัติการ เช่น การทดสอบ PCR Test (Polymerase chain reaction) โดยการตรวจตัวอย่างเลือดหรือเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผลผ่านการส่องกล้อง การเพาะเชื้อ และตรวจแอนติบอดี้ในร่างกายเพื่อวัดระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส HSV ที่เป็นสาเหตุของโรคเริม โดยวิธีการทดสอบ PCR Test เป็นวิธีการตรวจสอบหาเชื้อไวรัส HSV ที่มีความแม่นยำ และสามารถระบุชนิดของเชื้อไวรัส HSV ได้อย่างชัดเจน