การแยกชนิด สิวเปรอะ สิวประปราย เกิดจากอะไร?
จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า ที่จริงแล้วเป็นสิวอักเสบ จะทำให้เกิดแผลใต้สิว ทำให้ใช้เวลานานในการรักษา สิวอักเสบทำให้เกิดแผลที่บริเวณท่อต่อมไขมันในลักษณะต่างๆ ตามความรุนแรงของสิว โดยเริ่มจากเล็กน้อยจนถึงรุนแรงมาก ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับแผลที่พบเห็นได้ ดังนี้
1. สิวอักเสบไทป์ 1 (Acne type 1) หรือ สิวอุดตัน
ลักษณะเป็นสิวที่มีเม็ดสีเดียวกับสีผิว (Skin Color) อาจจะเป็นได้ทั้งสิวหัวขาว (Close Comedone) และสิวหัวดำ (open comedone) การอักเสบของสิวชนิดนี้จะมีการแบ่งตัวของเซลล์หนังกำพร้า (Keratinocyte) ในรูขุมขนเพิ่มมากขึ้นจนดันผนังท่อต่อมไขมัน ทำให้ผนังท่อต่อมไขมันเกิดการซึม เปรียบได้เหมือนเป็นแผลผิวแห้งแตก (Cracked skin) อยู่ใต้สิว และสามารถคงอยู่นานเป็นเวลาหลายเดือนหรือพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบไทป์ 2 (Acne type 2)
2. สิวอักเสบไทป์ 2 (Acne type 2) หรือ สิวปุ๊บปั๊บ
เป็นสิวเม็ดสีชมพูระเรื่อๆ หรือแดงอ่อนๆ เกิดจากการอักเสบเพิ่มขึ้นของสิวอักเสบไทป์ 1 จนมีขนาดใหญ่ขึ้น การอักเสบนี้ทำให้เกิดการรั่วที่ผนังท่อต่อมไขมัน เปรียบได้เหมือนกับแผลถลอก (Abrasion Wound) อยู่ใต้สิว ซึ่งมีการเกิดค่อนข้างรวดเร็ว และคงอยู่ไม่นานโดยมากมักไม่เกิน 2–3 วัน เวลาหายจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย แต่ถ้าหากไม่ยุบเองสิวชนิดนี้ก็จะกลายไปเป็นสิวอักเสบไทป์ 3 (Acne type 3)
3. สิวอักเสบไทป์ 3 (Acne type 3) หรือ สิวอักเสบ
ลักษณะจะมีสีแดงและบางครั้งเป็นหัวหนอง มักจะมีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร พัฒนามาจากสิวอักเสบไทป์ 2 ที่อักเสบมากขึ้น การอักเสบทำให้ส่วนบนของผนังท่อต่อมไขมันเกิดการแตกเป็นแผล เปรียบได้เหมือนแผลมีดบาดตื้นๆ (Superficial Cut Wound) อยู่ใต้สิว สิวชนิดนี้เกิดได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน และจะคงอยู่เป็นเวลานานหลายสัปดาห์ และเมื่อเกิดกระบวนการหายของแผล (Wound Healing) จะมีการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ จึงมักจะทิ้งรอยแดงไว้บนผิวอีกระยะหนึ่ง
4. สิวอักเสบไทป์ 4 (Acne type 4) หรือ สิวอักเสบเม็ดใหญ่
เป็นสิวชนิดเม็ดใหญ่และลึก ขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร มักเกิดจากสิวอักเสบไทป์ 2 ที่อักเสบมากขึ้น และทำให้ส่วนกลางหรือส่วนล่างของผนังท่อต่อมไขมันเกิดการแตกเป็นแผลใหญ่ เปรียบเหมือนเป็นแผลเปิดใหญ่ลึก (Deep Open Wound) อยู่ใต้สิว ทำให้เกิดการอักเสบจากแผลที่รุนแรงเพิ่มร่วมกับกระบวนการอักเสบจากภูมิคุ้มกัน เกิดมีการเสียหายของเนื้อเยื่อ และเมื่อเกิดกระบวนการหายของแผล (Wound Healing) จะมีการสร้างเส้นเลือดฝอยและเนื้อเยื่อใหม่ซึ่งมักจะใช้เวลานาน และเป็นอยู่นานกว่าสิวชนิดอื่น เวลายุบก็จะมีรอยแดง หากรักษาไม่ดีพอจะมีโอกาสในการเกิดแผลเป็น (Acne Scar) ได้ง่าย
สิวเปรอะ (Whole Face Acne)
คือ มีจำนวนสิวทุกชนิดบนใบหน้ารวมกันมากกว่า 10 เม็ดขึ้นไป
ลักษณะของสิวเปรอะ มีจำนวนสิวทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบไทป์ 1 ,ไทป์ 2 , สิวไทป์ 3 ไทป์ 4 บนใบหน้ารวมกันมากกว่า 10 เม็ดขึ้นไป ซึ่งจำนวนสิวที่มากนี้นอกจากจะทำให้ผิวสูญเสียความสวย ผิวดูไม่ดีแล้ว ยังสร้างความบอบช้ำของแผลใต้สิวได้มากเช่นกัน สิวเปรอะหากปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งอักเสบลุกลาม การรักษาสิวเปรอะจะยิ่งกินเวลานาน เกิดข้อแทรกซ้อน มีรอยแดง รอยดำ แผลเป็นนูน หรือแผลหลุมสิว ตามมาได้มาก
สิวประปราย (Localized acne)
คือ มีจำนวนสิวทุกชนิดบนใบหน้ารวมกันน้อยกว่า 10 เม็ด
ลักษณะของสิวประปราย มีจำนวนสิวทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบไทป์ 1 , ไทป์ 2 , ไทป์ 3 หรือไทป์ 4 บนใบหน้าไม่เกิน 10 เม็ด สิวประปรายแต่หากปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเกิดรอยแดง รอยดำ และอักเสบลุกลามมากขึ้นได้
บทสรุป 🙁
เพราะอะไรสิวเปรอะจึงรักษายากกว่า จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า แท้จริงแล้วการเกิดสิวทุกชนิดจะมีแผลใต้สิวร่วมด้วย ทำให้ใช้เวลานานในการรักษา โดยเริ่มจากอักเสบเล็กน้อยจนถึงรุนแรงมาก ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับแผลที่พบเห็นได้ ดังนี้