เป็นงูสวัดห้ามกินอะไร? ของกินต้องห้ามที่คุณต้องรู้
เมื่อมีอาการของโรคงูสวัด ก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลาย ทั้งอาหารที่มีโปรตีน เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ เพื่อให้มีสารอาหารครบถ้วน และได้รับวิตามินในการทำให้แผลหายดีขึ้น แต่ก็มีบางการศึกษาพบว่า ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดขณะเป็นโรคงูสวัด
11 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
1. หลีกเลี่ยง อาหารที่มี สารอาร์จีนิน (Arginine) สูง
ซึ่งสารตัวนี้เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งซึ่งมีส่วนทำให้เชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสซึ่งทำให้เกิดโรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใสแบ่งตัว และลุกลามออกไปมากขึ้น ได้แก่พวก ช็อกโกแลต ถั่ว เมล็ดพืช ทูน่ากระป๋อง เจลาติน มะเขือเทศ
2. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม
สำหรับคำถามว่างูสวัดห้ามกินอะไรอย่างแรกที่นึกถึงคงเป็นอาหารที่ทำมาจากน้ำตาลหรือมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม อย่าง ช็อคโกแลต ลูกกวาด ล้วนแล้วส่งผลต่อสุขภาพทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำให้น้ำหนักขึ้นหรือเป็นโรคอ้วน รวมทั้งส่งผลต่อผู้ป่วยโรคงูสวัดด้วยน้ำตาลจะเข้าไปกระตุ้นให้อาการอักเสบ ทำให้เชื้อกำเริบได้ง่าย ฉะนั้นหากอยากให้ร่างกายแข็งแรงควรอยู่ให้ห่างน้ำตาลไว้จะดีกว่า
เนื่องจากน้ำตาล เป็นสารอาหารที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสภาพลงมากกว่าเดิม อีกทั้งยังไปยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการขจัดเชื้อไวรัสให้ออกไปจากร่างกาย ในระหว่างรักษาโรคงูสวัด ให้หลีกเลี่ยงอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงขนมที่มีน้ำตาลสูง
3. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
เพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หรือไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสมแทน จะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ทั้งยังควบคุมเชื้อไวรัส VZV ไม่ให้แพร่กระจายมากเกินไปจนเกิดเป็นโรคงูสวัด
4. หลีกเลี่ยง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ถึงแม้ไม่ต้องเป็นโรคงูสวัดแต่หลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคงูสวัด เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังทำงานผิดปกติ ก่อให้เกิดอาการอักเสบและเร่งเชื้อให้กระจายตัวได้มากขึ้น นอกจากนั้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังไปทำให้ยาที่กินเข้าไปมีประสิทธิภาพลดลงหรือเกิดอาการข้างเคียงอย่างอื่นตามมา
เนื่องจากเป็นตัวขัดขวางการฟื้นตัวของร่างกายขณะรักษาโรคงูสวัด และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานช้าลง ทำให้อาการของโรคหายช้า
5. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีกลูเตน
ในผู้ป่วยงูสวัดบางรายอาจมีอาการแพ้รวมอยู่ด้วย เช่น แพ้อากาศ แพ้อาหาร หรือแพ้กลูเตน โดยเฉพาะกลูเตนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ในธัญพืชประเภทข้าวสาลี จึงมักถูกนำมาเป็นส่วนผสมของขนมต่างๆ หลายชนิด ฉะนั้นผู้ป่วยโรคงูสวัดอาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังก่อนจะรับประทาน หรือถ้าไม่แน่ใจก็ลองสอบถามแพทย์ที่รักษาเสียก่อนว่าสามารถรับประทานได้หรือไม่เพื่อป้องกันไว้ก่อน
EAZI Astrinz Gel อีซี่ แอสทริ๊งซ์ เจล ผลิตภัณฑ์ดูแลสมานผิวรักษา เริม งูสวัด ไฟลามทุ่ง ลดอาการแสบร้อนผิว เจ็บและปวด คันตุ่ม ผลิตจากสารธรรมชาติ ไม่มีสเตียรอยด์ ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
6. หลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์ที่มีนมผสม
ในผู้ป่วยงูสวัดบางรายพบว่าในช่วงที่อาการของโรคกำลังกำเริบ หากหยุดดื่มนมหรือเลิกทานผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ เช่น ชีส เนย โยเกิร์ต ไอศกรีม แล้วพบว่าแผลจากงูสวัดเริ่มค่อยๆดีขึ้น จึงเกิดความเชื่อได้ว่านมอาจมีส่วนกระตุ้นต่ออาการของโรค
ซึ่งถ้าใครจำเป็นที่จะต้องดื่มนมจริงๆลองหันมาเปลี่ยนเป็นดื่มนมถั่วเหลืองทดแทนไปก่อน จนกว่าพบว่านมไม่เกี่ยวข้องกับโรคงูสวัดแล้วจึงกลับมาดื่มนมตามเดิมก็ไม่เสียหายอะไร
แต่ทว่าใครที่ทานผลิตภัณฑ์จากนมแล้วอาการงูสวัดรุนแรงขึ้นคงต้องงดทานแบบจริงจัง รวมทั้งก่อนที่จะทานอะไรอาจจะต้องตรวจสอบฉลากให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีนมผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์
7. หลีกเลี่ยง เนื้อสัตว์หรืออาหารแปรรูป
งูสวัดห้ามกินอะไรก็คือห้ามกินเนื้อสัตว์แปรรูปหรือจำพวกอาหารแปรรูปอย่าง แฮม เบคอน ไส้กรอก เป็นต้น หรือถ้าอดใจไม่ไหวก็ควรกินในปริมาณน้อยกำลังพอดี โดยเฉพาะอาหารที่ทำมาจากเนื้อแดง เพราะอุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูงซึ่งอาจเป็นตัวกระตุ้นให้อาการงูสวัดอักเสบมากขึ้น
ฉะนั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคด้วยการหันมาทานเนื้อขาว เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลาที่มีประโยชน์ของกรดโอเมก้า 3 เสริมภูมิคุ้นกันแทนน่าจะเหมาะสมมากกว่า
8. หลีกเลี่ยง เนื้อไก่ทอด หมูทอด และของทอด
เป็นอาหารประเภทที่ต้องยกมือห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่าของทอดไม่ดีต่อสุขภาพเอามากๆ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคงูสวัด เนื่องจากของทอดจะกระตุ้นให้อาการอักเสบของงูสวัดกำเริบขึ้นได้ ที่สำคัญคือเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโรคเป็นของแถมพ่วงมาด้วยก็ได้
9. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีรสจัด
ตามปกติแล้วการกินอาหารรสจัดมากจนเกินไป อย่าง เปรี้ยวจัด หวานจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด ล้วนไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะรสเผ็ดจัดอาจส่งผลต่อโรคงูสวัดได้ แต่ถ้าหากว่าหลีกเลี่ยงการรับประทานรสชาติจัดๆไม่ได้ แนะนำว่าให้ทานเครื่องเทศแทน
เพราะในเครื่องเทศบางชนิดก็มีผลดีต่อโรคงูสวัด ช่วยต้านทานอาการอักเสบได้ เช่น ขมิ้น หรือขิง ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
10. หลีกเลี่ยง กลุ่มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
ในกลุ่มผลไม้รสเปรี้ยวที่ถือว่าเป็นสารก่อภูมิแพ้ตามธรรมชาติ อย่าง ส้ม มะนาว เลมอน เกรปฟุต ฯลฯ ซึ่งมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับพวกอาหารทะเล อาหารหมักดอง ที่ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้อาการแพ้กำเริบขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคงูสวัด หรืออาการอักเสบของผิวหนังประเภทอื่นๆให้ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
11. หลีกเลี่ยง อาหารฟาสต์ฟู้ด
หรือที่มักถูกเรียกกันว่าอาหารขยะ เนื่องมาจากอาหารกลุ่มนี้เต็มไปด้วยแป้ง เกลือ น้ำตาล และไขมัน ซึ่งจัดว่าเป็นอาหารแคลลอรี่สูง ในทางกลับกันคุณค่าทางโภชนาการต่ำมาก อีกทั้งรายงานทางการแพทย์ยังพบว่าตัวการที่ทำให้โรคงูสวัดกำเริบขึ้นมาจากร่างกายอ่อนแอ เกิดภาวะไขมัน ความดันโลหิตสูง ข้ออักเสบ ส่งผลให้เชื้อที่ซ่อนในปมประสาทปะทุขึ้นมา
สรุป…รายการอาหารที่ควรงด
ของแปรรูป
ของหมัก ของดอง แหนม ปลาเค็ม ปลาร้า กะปิ ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง อาหารสุกแช่แข็ง เบคอน เนยเทียม ชีส
เครื่องดื่ม
ชา กาแฟ นมจากสัตว์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม น้ำหวาน
ผัก
หน่อไม้ กุยฉ่าย สะตอ กระถิน กระเฉด ชะอม มะระ(ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย) กะหล่ำปลีดิบแครอทดิบ บีทรูท
ผลไม้
ทุเรียน เงาะ มะม่วงสุก ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ลองกอง มะไฟ มะปราง มะยม สละ ขนุน ละมุด ตะลิงปลิง มะดัน น้อยหน่า อ้อย จาวตาล เนื้อมะพร้าว เสาวรส
EAZI Astrinz Gel อีซี่ แอสทริ๊งซ์ เจล ผลิตภัณฑ์ดูแลสมานผิวรักษา เริม งูสวัด ไฟลามทุ่ง ลดอาการแสบร้อนผิว เจ็บและปวด คันตุ่ม ผลิตจากสารธรรมชาติ ไม่มีสเตียรอยด์ ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
อาหารรสจัด
เค็มจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด
อาหารทะเล
หอยและหมึกทุกชนิด กุ้ง กั้ง แมงดา แมงกะพรุน ไข่หอยเม่น ปลาสำลี ปลาทู ปลาซาบะ ปลาโอ ปลาอินทรีย์เค็ม ปูดองทุกชนิด
เนื้อสัตว์
วัว ควาย นกทุกชนิด ไก่* เป็ด ห่าน ปลาดิบทุกชนิด ปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาดอลลี่ ปลาคัง ปลาชะโด ปลาบึก ปลาหมอ ปลาแดงน้ำจืด เนื้อจระเข้ เนื้อแพะ เนื้อแกะ ไข่เป็ด ไข่ข้าว ไข่นกกระทา ไข่นกกระจอกเทศ เนื้องูทุกชนิด เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
อื่นๆ
อาหารกึ่งสุก-ดิบ ลาบ ลู่ ก้อย ข้าวเหนียว น้ำจิ้มทุกชนิด กะทิ เต้าเจี้ยว น้ำส้มสายชู กุ้งแห้ง ขนมจีนเส้นหมัก อาหารปิ้ง-ย่าง อาหารใช้น้ำมันทอดซ้ำ ข้าวปั้น ซูชิ มายองเนส น้ำสลัดทุกชนิด น้ำผึ้ง(ไม่เหมาะกับผู้มีแผล มีหนอง)
และนี่ก็คือสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ หรือรู้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ควรทาน เพราะในปัจจุบันก็อาจจะมีหลายกระแสที่ออกมาบอกว่าไม่มีหรอก อาหารแสลง ทานไปเถอะเพราะมันไม่เกี่ยว แต่แท้จริงแล้ว ร่างกายทำงานสัมพันธ์กันหมด ปัจจัยเสี่ยง ที่ไม่ควรมองข้าม เราทำอะไร กินอะไร ร่างกายก็ฟ้องออกมาแบบนั้น จะว่าไม่เกี่ยวก็อยากให้ลองพิจารณาดูให้ครบทุกด้าน เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อยากให้ทำแค่ถูกใจตัวเองในวันนี้แล้วในระยะยาวสุขภาพค่อยๆแย่ลง แต่จะดีกว่าไหมที่เราค่อยๆเรียนรู้ ทำความเข้าใจร่างกาย ว่าตอนนี้ร่างกายเราเป็นอะไร ร่างกายต้องการหรือไม่ต้องการอะไร สังเกตและเฝ้าดูร่างกายด้วยความรัก ความเข้าใจ ไม่ใช่ตามใจอย่างเดียว
มีเรื่องที่อยากอ่านเยอะมาก เนื้อหามีประโยชน์มากค่ะ