กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิวจริงหรือไม่?
มีความเชื่อและบทความบางชิ้นอ้างว่า การกินช็อคโกแลตทำให้สิวขึ้น ทำให้เกิดความตื่นตัวในการค้นหาว่า ช็อกโกแลตทำให้สิวขึ้นจริงหรือ บางงานวิจัยค้นพบว่า อาจเป็นสารปรุงแต่งในช็อกโกแลตมากกว่าที่ไปกระต้นฮอร์โมนและก่อให้เกิดการอักเสบของสิวขึ้น
ในปี 2011 มีการศึกษาในกลุ่มเพศชายจำนวน 10 คนอายุ 18 -35 ปี รับประทานช็อกโกแลต 100% (cocoa chocolate)โดยกินปริมาณต่างๆกันสูงสุด 340 กรัมหรือ 12 ออนซ์ ให้กินในวันแรกของการทำวิจัยแล้วประเมินผล ปรากฏว่าเกิดสิววันที่ 4 และวันที่ 7 และยังพบอีกว่าการเกิดสิวเพิ่มขึ้นตามปริมาณช็อกโกแลตที่รับประทาน
งานวิจัยต่อเนื่องจากงานวิจัยดังกล่าวทำในกลุ่มทดลอง 14 คนให้กินแคปซูลที่บรรจุ cocoa 100% เทียบกับแคปซูลบรรจุเจลาติน (ตัวเปรียบเทียบ) พบว่ามีความเกี่ยวข้องระหว่างการเกิดสิวกับปริมาณช็อกโกแลตที่กินในรูปแบบแคปซูล แต่ยังไม่มีงานวิจัยในคนที่จำนวนมากขึ้นรวมถึงวิจัยในเพศหญิง
ช็อกโกแลตนมและช็อกโกแลตขาวจะมีผลิตภัณฑ์จากนม น้ำตาล และสารปรุงแต่งมากกว่าดาร์กช็อกโกแลต ทำให้มีผลกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้มากกว่า และเกิดการอักเสบมากขึ้นเมื่อรับประทาน โดยเฉพาะคนที่มีประวัติเป็นสิวอยู่แล้ว
งานวิจัยดังกล่าวทำให้มีความตื่นตัว จากเดิมที่ไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ชัดเจนว่าการรับประทานช็อกโกแลตจะทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เดิมเชื่อว่าช็อคโกแลตไม่มีผลต่อการเกิดสิวโดยตรงแต่เกิดจากสารประกอบน้ำตาลและไขมันที่อยู่ในช็อกโกแลตไปเพิ่มการผลิต sebum (ไขมันที่ผิว) และกระตุ้นการอักเสบ
ส่วนดาร์กช็อกโกแลตนั้นกลับมีผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดในร่างกาย เพราะส่วนประกอบของดาร์คช็อกโกแลต ได้แก่ flavonoid, catechin ,procyanidin มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายรวมทั้งเซลผิวด้วย
โดยสรุป ถือว่ายังมีงานวิจัยหรือรายงานจำนวนน้อยมากที่สรุปว่าช็อกโกแลตทำให้เกิดสิว มีเพียงงานวิจัยขนาดเล็กที่ทำให้เชื่อว่าช็อกโกแลตเป็นต้นเหตุในการเกิดสิวในคนที่มีแนวโน้มหรือเป็นสิวอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตหากมีงานวิจัยขนาดใหญ่กว่านี้ก็น่าจะทำให้เกิดความชัดเจนถึงความเกี่ยวข้องระหว่างช็อกโกแลตกับการเกิดสิวได้
0 Comments