เตรียมพร้อมดูแลผิวก่อนวัย 30+ ควบคุมผิวสวยสดใสให้เสถียรและคงอยู่

สำหรับผู้หญิงปัญหาผิวอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ของใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบนใบหน้า รอยสิวที่ทำให้ไม่มั่นใจ และปัญหาผิว ฝ้า กระ จากกรรมพันธุ์หรือสิ่งแวดล้อมจากแสงแดด มลภาวะต่างๆที่ทำร้ายผิวให้อ่อนแอลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวอายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไปคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจะน้อยลง ผิวระคายเคืองได้ง่ายมีวิธีเตรียมพร้อมอย่างไรมาดูกัน

อายุผิววัย 20 ปีตอนปลาย​

5 วิธีเคล็ดลับง่ายๆดูแลตัวเอง

  1. นอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ควรนอนดึกเกิน 21.00 – 22.00 น.เพราะช่วงเวลาระหว่าง 22.00 – 02.00น. เป็นช่วงที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบต่างๆ ได้อย่างเต็มที่และทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ผิวสดใสไม่โทรม
  2. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกจากให้ร่างกายได้ขับของเสียออกแล้วยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นอีกด้วย
  3. ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที ควรออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ช่วยให้เลือดไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่งสุขภาพดี
  4. ทาครีมกันแดด เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำของผิว
  5. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะทำให้เส้นเลือดตีบตันและไปทำลายคอลลาเจน จึงเพิ่มความหมองคล้ำและริ้วรอย ซึ่งจะพบมากในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่หนักเกินไป

ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นบางคนอาจมีปัญหาสิวที่มากวนใจ พอสิวหายกลับทิ้งปัญหารอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิวฮอร์โมน การอุดตันของรูขุมขน การล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าที่ไม่สะอาดเพียงพอ ผิวหน้าคล้ำจากการรบกวนหรือระคายเคืองผิวโดยใช้ยาทาสิว และบางคนจะเริ่มมีริ้วรอย รูขุมขนที่กว้างขึ้น อาจจะต้องเน้นการบำรุงที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นเป็นพิเศษเพราะความยืดหยุ่นของผิวและความแข็งแรงของโครงสร้างผิวจะเริ่มลดลง

อายุผิววัย 30 ปี

สำหรับช่วงวัยนี้ปัญหาเรื่องสิวจะน้อยลง แต่ปัญหาริ้วรอยจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งความเครียดจากการทำงาน หรือปัญหาต่างๆ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จึงทำให้ผิวถูกทำลาย และผิวแห้งหยาบกร้านมากกว่าเดิม การผลัดเซลล์ผิวหรือการสร้างเซลล์ผิวใหม่ลดลง ส่งผลทำให้ใบหน้าเกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ เริ่มจะเห็นชัดมากยิ่งขึ้น

อายุผิววัย 40 ปี

ช่วงวัยนี้จะเริ่มเข้าสู่วัยทอง เป็นวัยที่การผลิตฮอร์โมนเพศลดลงจนเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ช่วงวัยหมดประจำเดือน การไหลเวียนของโลหิตที่น้อยลงยังทำให้ผิวไม่กระจ่างใส ดูหมองคล้ำผิวหนังเหี่ยวแห้ง ความชุ่มชื้นของผิวสูญเสียความแข็งแรง และความยืดหยุ่นทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัด

อายุผิววัย 50 ปีขึ้นไป

เกราะป้องกันผิวลดลงทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย ความยืดหยุ่นผิวลดลงจนทำให้เกิดความหย่อนคล้อยไม่กระชับ ริ้วรอยร่องลึกปรากฏให้เห็นมากยิ่งขึ้น มีภาวะขาดน้ำเกิดจากการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวลดลง ผิวแห้งกร้านไวต่อแสงแดด และผลิตเม็ดสีผิวที่มากเกินไป เกิดจุดด่างดำบริเวณใบหน้าและลำคอ

สูตรลัดดูแลผิวด้วยวิธีทางการแพทย์

  1. การให้วิตามินผิว (IV DRIP) เป็นวิธีที่ได้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ 90% เพื่อฟื้นฟูร่างกายช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และผิวให้ดียิ่งขึ้น
  2. เลเซอร์ (Laser) เทคโนโลยีที่มีความยาวคลื่นแสงที่จับกับรอยโรค ช่วยแก้ไขปัญหาผิว ฝ้า กระ หรือปรับหน้าขาวสว่าง กระจ่างใส
  3. ทรีตเมนต์หน้า (Treatment) เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กล้าทำเลเซอร์ หรือกลัวเข็ม ซึ่งทรีตเมนต์จะช่วยบำรุงผิวหน้า อีกทั้งยังมีหลากหลายสูตรให้เลือก ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหาด้านไหนหรือแม้แต่ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวก็สามารถทำได้ แต่ถ้าจะให้เห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้นควรทำควบคู่กับ LED Therapy ส่วนข้อดีคือไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังทำอีกด้วย
  4. การใช้สารฉีดเข้าใบหน้า เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยดูแลการลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า หรือการเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว เช่น Botox, Filler, Rejuran, Skin Booster เป็นต้น

บทสรุป

ดังนั้นการดูแลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากการดูแลผิวที่ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวถูกทำลาย ควรดูแลตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อผิวที่อ่อนเยาว์จะอยู่กับเราไปได้อย่างยาวนานหรือผู้ที่มีปัญหาผิวควรปรึกษาแพทย์ให้ช่วยดูแล