ฝ้าเลือดคืออะไร? พร้อมแนะนำการรักษา ให้ฝ้าแดดจางลง อย่างถูกวิธี
แสงแดดและอากาศร้อนในเมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เมื่อผิวหนังได้รับรังสีอัลตราไวโอเล็ตที่มากับแสงแดดเป็นเวลานานจะทำให้ผิวหน้าอันบอบบางของเราเป็นฝ้าได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝ้าลึก ฝ้าตื้น หรือฝ้าเลือด ซึ่งฝ้าเลือดเป็นชนิดที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าอยากให้ผิวหน้าของเราใสไร้ฝ้าเลือดจะรักษาอย่างไรให้ได้ผล
ฝ้าเลือดคืออะไร
ฝ้าเลือดเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าเนื่องจากผิวหนังรับรังสีอัลตราไวโอเล็ตจากแสงแดดเป็นเวลานาน เส้นเลือดฝอยในชั้นหนังแท้จึงเพิ่มจำนวนขึ้นหรือเสื่อมสภาพ ทำให้เห็นเส้นเลือดฝอยแตกแขนงเป็นกระจุกบนผิวหน้า เกิดเป็นรอยสีชมพู สีน้ำตาลแดง ไปจนถึงสีคล้ำ เรียกว่า “ฝ้าเลือด”
สาเหตุของการเกิดฝ้าเลือด
- เมื่อผิวได้รับแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานานจะทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณนั้นเสื่อมสภาพ ชั้นผิวบางลง ร่วมกับ แสงแดดจะกระตุ้นเส้นเลือดฝอยเพิ่มจำนวนขึ้นจนเป็นฝ้าเลือด บริเวณที่พบฝ้าเลือดได้มากที่สุดคือบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก
- ฝ้าเลือดจะคล้ำขึ้นจากฝ้าด้วยกันเอง เพราะเมื่อเป็นฝ้า เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะเพิ่มปริมาณมากกว่าปกติ เส้นเลือดฝอยเหล่านี้จะส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสี (Melanocytes) ให้ผลิตเม็ดสี (Melanin pigment) มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้เลเซอร์ที่ทําลายเส้นเลือดฝอยเหล่านี้ (E-Lase Program) เพื่อลดการสร้างเม็ดสีทำให้ฝ้าเลือดจางลง
- คนไทยมักใช้ผลิตภัณฑ์เร่งผิวขาวตามท้องตลาด เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ผิวบาง และก่อให้เกิดฝ้าถาวรได้
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทมีสารอันตราย เช่น ปรอท สเตียรอยด์ เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่ห้ามนํามาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสําอาง หากใช้สารเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัวมากขึ้นจนเกิดเป็นฝ้าเลือด
การรักษาฝ้าเลือด
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ควรทาครีมกันแดด ทั้งที่อยู่ในร่มและออกกลางแจ้งและต้องมีอุปกรณ์เสริม เช่น ร่ม หมวก อาหารบำรุงผิว
- หยุดปัจจัยที่อาจทำให้เกิดฝ้า เช่น เลิกทาครีมที่มีส่วนผสมซึ่งอาจทำให้ผิวบางลง หรือเลือกใช้ครีมจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้
- ปัจจุบันมีนวัตกรรมเลเซอร์รักษาฝ้าเลือดที่เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพ
0 Comments